‘ชูวิทย์’ แฉ ตำรวจนำนักท่องเที่ยวจีน มีมานานแล้ว มีเงินทำได้ทุกอย่าง

‘ชูวิทย์’ แฉ ตำรวจนำนักท่องเที่ยวจีน มีมานานแล้ว มีเงินทำได้ทุกอย่าง

ชูวิทย์ แฉ ตำรวจนำนักท่องเที่ยวจีน มีมานานแล้ว อัดประเทศไทยกฎหมายอ่อน ยกคำพูดตู้ห่าว มีเงินทำได้ทุกอย่าง แนะควรเปลี่ยนค่านิยม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ตำรวจนำนักท่องเที่ยวจีน พร้อมอำนวยความสะดวกหลายอย่าง ตั้งแต่ ลัดคิวตรวจคนเข้าเมืองใช้เวลาเพียง 5 นาที ช่วยลากกระเป๋าเดินทางให้ และขับรถตำรวจนำขบวนนักท่องเที่ยวจีนและใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไปยังพัทยาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง โดยแลกกับค่าใช้จ่าย 7 พันบาท ดังที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

นายชูวิทย์เผยว่า สมัยก่อนกระเป๋าก็ยังไม่ต้องตรวจ 

ผ่าน ตม.ก็จ่ายเงินให้เขาพาออกไปได้ ไม่ต้องตรวจอะไร ต่อมาให้ใช้รถนำขบวนให้ดูยิ่งใหญ่เป็น VIP แต่ไม่เกี่ยวกับขบวนการทุนจีนสีเทา พวกคนจีนเหล่านี้มองเห็นเมืองไทยเป็นเมืองที่ไกลปืนเที่ยง ไม่มีกฎหมายที่แข็งแกร่ง เจ้าหน้าที่รัฐของเราเป็นเสียเอง ทำให้คนเขาหัวเราะ ทำให้ต่างชาติเขาเยาะเย้ย

อย่างที่นายตู้ห่าวเคยกล่าวไว้ว่า “มีเงินน่ะทำได้ทุกอย่าง” เราอย่าให้ต่างชาติมาใช้ประโยคนี้กับประเทศเรา ให้เป็น “มีเงินก็ทำไม่ได้” ทำตามกฎหมายดีกว่า

ทั้งนี้ในวันนี้นายชูวิทย์เดินทางมายัง ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลนัดสอบคำให้การคดี ย.87/2566 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดียาเสพติด 4 ยื่นฟ้อง นายฮวง ไฮ่ เท่า เป็นจำเลยที่ 1 นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ เป็นจำเลยที่ 2 รวมกับพวกสัญชาติจีน ไทย กัมพูชา และบริษัทนิติบุคคล (5 แห่ง) รวมทั้งสิ้น 23 ราย เป็นจำเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดหลายข้อกล่าวหา ซึ่งนายชูวิทย์ได้มาติดตามการสอบคำให้การและมีชื่อเป็นหนึ่งในพยานด้วย

โจทก์แถลงว่า เนื่องจากพยานโจทก์เป็นคนต่างชาติ และจะเดินทางกลับประเทศภูมิลำเนาในเร็ววันนี้ เกรงว่าจะเป็นการยากที่จะนำพยานโจทก์มาสืบได้ในภายหลัง

ทนายความผู้ต้องหาทั้งหมดแถลงว่า โจทก์ยื่นคำฟ้องเข้ามา แต่ยังไม่มีการยื่นบัญชีระบุพยาน ทําให้ฝ่ายผู้ต้องหาทั้งหมดเสียเปรียบ เพราะไม่ทราบว่าพนักงานอัยการ โจทก์นั้นจะระบุพยานอะไรบ้าง ประกอบกับฝ่ายผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกฟ้องต้องการพยานเอกสารคำให้การผู้ต้องหาทุกคน จึงขอให้ผู้ร้องนำคำให้การผู้ต้องหาทุกคนมามอบให้กับฝ่ายผู้ต้องหาทั้งหมดในช่วงบ่ายของวันนี้

โจทก์แถลงว่า ไม่ขัดข้องที่จะสำเนาคำให้การผู้ต้องหา และจะส่งมอบคำให้การผู้ต้องหาทั้งหมดให้ฝ่ายผู้ต้องหาในช่วงบ่ายของวันนี้โดยวันนี้โจทก์จะยื่นคำร้องขอพยานล่วงหน้า และระบุบัญชีพยานเพียงพยานที่จะนำมาในล่วงหน้าเท่านั้น ส่วนพยานหลักฐานอื่นจะยื่นในภายหลัง

ทนายความผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ค้านและขอให้สืบพยานล่วงหน้าวันนี้ (24 ม.ค.2566)

ศาลพิเคราะห์แล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงให้เลื่อนนัดสืบพยานล่วงหน้า เป็นวันที่ 24 ม.ค .2566 เวลา 09.00-16.30 น. ตามที่นัดไว้ในคดีนี้ โดยจะเป็นการสืบพยานล่วงหน้าตามคำร้องที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องเข้ามาใหม่ภายในเวลา 16.00 น.ของวันนี้

และที่โจทก์แถลงว่าในการสืบพยานล่วงหน้า พนักงานสอบสวนได้จัดเตรียมล่ามในการสืบพยานมาให้แล้ว แต่ฝ่ายผู้ต้องหาทั้งหมดแถลงว่าการสืบพยานล่วงหน้าคือการสืบพยาน จึงขอใช้ล่ามจากสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งถือว่าเป็นคนกลาง โดยศาลให้มีหนังสือถึงสำนักงานศาลยุติธรรม ขอล่ามภาษาจีนกลางมาในนัดหน้าด้วย

พาชม การจ้างหนังกลางแปลงฉายให้ผีดู 330 หลุม ตามความเชื่อวันชิวอิก

เปิดที่มาสุสานฉายหนังผี ฉายหนังให้ผีดู วันชิวอิก มูลนิธิพิจิตรสามัคคีกุศลสถานสงเคราะห์จ้างหนังกลางแปลงฉายต่อหน้า 330 หลุมฝังศพดูตามความเชื่อชวนขนหัวลุกบรรยากาศวันตรุษจีนวัดมูลเหล็กที่พิจิตร ภายหลังจากมีการเปิดเผยภาพของการเปิดฉายนังกลางแปลงที่สุสานมูลินิธิพิจิตรกุศลสถานสงเคราะห์ วัดมูลเหล็ก ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมูลนิธิพิจิตรสามัคคีร่วมกับชาวไทยเชื้อสายจีนได้นำทางทีมงานบุญเชิดภาพยนตร์ ทำการฉายหนังกลางแปลง บริเวณในสุสานของมูลนิธิที่มีหลุมศพบรรพบุรุษกว่า 330 หลุม รวมถึงยังมีการจัดคณะเอ็งกอชุดใหญ่มาแสดงให้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษได้ชมด้วย

สำหรับการฉายหนังกลางแปลงให้บรรพบุรุษดู เป็นความเชื่อที่เล่าสืบทอดต่อกันมาว่า ประตูนรก-สวรรค์ จะเปิดเพื่อปล่อยให้ดวงวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้มารับส่วนกุศล หรือส่วนบุญที่ลูกหลานประกอบพิธีเซ่นไหว้ กรรมการของมูลนิธิพิจิตรสามัคคีฯ ที่ได้จัดการฉายหนังกลางแปลงให้ผีดูอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 58 และจะจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี

ด้าน นายอนุศิษฐ์ หลิมศิริวงษ์ รองประธานมูลนิธิพิจิตรสามัคคี กล่าวว่า มูลนิธิพิจิตรสามัคคีจัดฉายหนังกลางแปลง บริเวณในสุสานมูลนิธิพิจิตรสามัคคี เพื่อให้ผีในหลุมที่อยู่ในสุสานได้ชมตามประเพณีในวันชิวอิกหรือวันเที่ยว โดยจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 58 ซึ่งในปีนี้มีการแสดงคณะเอ็งกอก่อนฉายหนังพร้อมจัดอาหารเลี้ยงคณะนักแสดงซึ่งเป็นลูกหลานของบรรพบุรุษที่ล่วงลับ

ก่อนที่เวลา 19.00 น. จะเปิดทำการฉายหนังกลางแปลง โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิพิจิตรสามัคคี ชาวบ้านและคณะนักแสดงเอ็งกอ คนฉายหนัง จำนวนกว่า 40 คน จับกลุ่มรับชมการฉายหนัง โดยอาศัยพื้นที่หน้าจอหนัง ที่มีแสงสว่างหน้าหลุมศพบรรพบุรุษ เป็นที่นั่งชมภาพยนตร์

Credit : เว็บสล็อตแท้